แนวทางลดความอ้วน ให้ผอมบางรวดเร็วทันใจได้ภายใน 7ทิวา

วิธีลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักให้ได้ผลดีจริง ไม่ใช่การอดอาหารการกินหรือการกินยาลดความอ้วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกกินอาหาร ซึ่งหากใครที่พยายามลดความอ้วนด้วยการออกกำลังมานานแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่มีทีท่าจะลดลงไปสักที บอกเลยว่าคุณควรจะหันไปโฟกัสเรื่องการกินของตัวเองบ้าง ด้วยการใช้วิธีลดความอ้วนที่เราได้นำมาฝากวันนี้ ค้ำประกันว่าคุณจะผอมได้ฉับพลันภายใน 7 วันเลย

หากคุณทานอาหารตามใจปากแบบไม่มีแผนการกินมาตลอด ให้คุณเริ่มแพลนเรื่องของกินเสียก่อน โดยให้คุณหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนไว้ว่าภายในสัปดาห์นี้คุณจะกินเมนูเพื่ออนามัยอะไรบ้าง และแพลนไว้ว่าควรออกไปซื้อเครื่องกินอะไรมาเตรียมไว้บ้าง หากทำได้จะช่วยให้คุณบริโภคได้อย่างเป็นระบบระเบียบขึ้น แล้วก็จะนำพามาซึ่งความผอมนั่นเอง

แม้ว่าคุณจะอ้างว่ายุ่งตลอดจนไม่มีเวลาดูแลตนเอง แต่เชื่อเถอะว่าถึงแม้จะงานยุ่งรัดตัว แต่คุณจะต้องมีเวลาให้ตัวเองบ้าง ลองเปลี่ยนจากเวลาหย่อนใจดูละครตอนดึก มาเป็นเวลาเตรียมอาหารสุขภาพสำหรับวันต่อไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเวลาออกกำลังกายดีกว่า แล้วอย่าลืมจดบันทึกเป็นลิสต์ไว้ด้วยนะว่าวันต่อๆไปคุณควรจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

การอดอาหารไม่ใช่หนทางที่นำไปสู่ความผอม หนำซ้ำอาจทำให้คุณเจ้าเนื้อขึ้นกว่าเดิมด้วย ด้วยเหตุนั้นใช้แพลนการกินอาหารที่ได้วางไว้ให้เป็นประโยชน์ โดยกินอาหารตามตารางที่เขียนเอาไว้ ซึ่งโภชนาทั้งหลายควรจะมีสารอาหารและวิตามินเยอะ ที่สำคัญควรจะเป็นอาหารสุขภาพที่ไม่มีไขมันเยอะด้วย

รู้หรือไม่ว่าการกินอาหารหน้าทีวี จะยิ่งทำให้คุณนั้นอ้วนฉุ เพราะคุณจะไม่มีสมาธิจดจ่อกับอาหารแล้วก็ตักเข้าปากอย่างไม่ทันได้ยั้งคิด ฉะนั้นให้คุณเปลี่ยนจากการกินอาหารหน้าทีวี มากินแค่ในครัวหรือห้องสำหรับกินอาหารเท่านั้นจะดีกว่า

ถ้าเคยกินไปด้วยทำงานไปด้วยหรือกินไปด้วยขับขี่ไปด้วย บอกเลยให้เลิกพฤติกรรมนี้ซะ เพราะกิจกรรมที่ทำระหว่างการกินเหล่านี้ จะทำให้คุณไม่ได้สังเกตตัวเองว่ากินอาหารไปมากเท่าไหนแล้ว ฉะนั้นเวลาจะกินก็ให้โฟกัสไปที่การกินอย่างเดียว โดยที่ห้ามมีกิจกรรมอื่นเข้ามายุ่งด้วย

การลดน้ำหนักตัวคนเดียวอาจจะเป็นเรื่องยากไปหน่อย เพราะหากเพืื่อนหรือคนในครอบครัวชวนไปกินนั่นกินนี่ แผนการลดความอ้วนของคุณก็อาจจะล้มเหลวได้ ทางที่ดีชวนเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวให้มากินอาหารสุขภาพกับคุณ หรือไม่ก็ชวนไปเดินเที่ยวสักครึ่งชั่วโมงหลังอาหารเพื่อเป็นการออกกำลังกายก็ได้ วิธีนี้ไม่เพียงแต่คุณจะได้สุขภาพดีคนเดียว แต่คนรอบกายของคุณก็ได้ไปด้วยนะ

ถ้าคุณเกิดเห็นสื่อโฆษณาขนมหวานในทีวี แล้วอยากกินจนทนไม่ไหว ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรแต่แค่อยาก บอกเลยว่าคุณควรจะควบคุมความคิดตัวเองใหม่ได้แล้ว เพราะการกินตามใจปากแม้ตอนยังไม่หิวนี่แหละ ที่จะทำให้คุณอ้วนฉุได้อย่างน่ากลัวเลยล่ะ ถ้าหากคุณเกิดความคิดอยากจะกินอะไรสักอย่างเวลาเห็นสื่อโฆษณาหรือรูปภาพในอินเทอร์เน็ตแล้วละก็ ให้หาอย่างอื่นทำแทน เช่น การทาเล็บหรือถักนิตติ้งเพื่อลืมมันไปก็ได้

นอกจากจะวางอุบายการกินให้ดีแล้ว สาว ๆ ก็ควรจะออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงด้วยนะคะ ที่สำคัญต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ลดไป เชื่อสิว่าวันหนึ่งหุ่นของคุณจะเป๊ะอย่างที่หวังเลยแหละ

ขอบคุณสปอนเซอร์ : ยาลดความอ้วน

อาหารเสริมลดความอ้วน มีพิษภัยหรือเปล่า มาทำความเข้าใจข้อมูลกันก่อน

ยาลดความอ้วน

เดี๋ยวนี้เรื่องสุขภาพอนามัย การรักษารูปร่าง กำลังเป็นที่นิยม มีหลากหลายเคล็ดวิธีที่จะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ ไม่ว่าจะด้วยการเลือกทานยาลดความอ้วน การออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการกินอาหารเสริมลดน้ำหนักที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในตอนนี้

หากแต่อาหารเสริมพวกนั้น เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่อาจจะทำให้เราสวย ผอมบาง ได้อย่างง่ายมาก แต่ ! กลับทิ้งสารเคมี ที่อาจเป็นอันตรายกับเราเอาไว้ ดังนั้นก่อนที่เราคิดจะพึ่งอาหารเสริมเหล่านี้ ก็ควรจะเรียนรู้ข้อมูลให้ดีเสียก่อน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะ อาหารจำพวกถั่วขาว สารสกัดจากตะบองเพชร ที่ไปช่วยดักจับไขมัน ไม่เป็นการลดความอ้วนที่เป็นอันตราย แต่จะดัดจับไขมัน แล้วให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม กินได้น้อยลง เมื่อกินได้น้อยลง แล้วความหนักเบาเราก็จะลดลงตามไปด้วย พร้อมทั้งดึงไขมันที่ไม่ใช้ออกมาให้หมด ในรูปแบบของเหงื่อ และการขับถ่าย ทั้งในรูปแบบของเครื่องดื่ม และอีกนานัปการแล้วแต่ความคิดของผู้ผลิต แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเสริมนั้นถ้าไม่ได้หลักเกณฑ์และรับประทานผิดวิธีจะทำให้เกิดโทษตามมาเยอะแยะ

ผลร้ายของอาหารเสริมลดน้ำหนัก
1. ถ้าทานมากเกินไปทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ อาเจียน ท้องเสีย
2. ถ้าทานมากเกินไปทำให้ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
3. ถ้ากินมากเกินไปทำให้เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
4. ถ้าบริโภคบ่อยเกินทำให้เกิดการสะสมของสารเคมี
5. ถ้าเขมือบพร่ำเพรื่อทำให้โรคมะเร็ง
6. ถ้าอาหารเสริมที่ผลิตนั้นไม่ได้รับมาตรฐาน ทำให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายและถ้ารุนแรงถึงขั้นล้มหายตายจากได้

ฉะนั้นหากเราคิดจะพึ่งอาหารเสริมลดน้ำหนักแบบนี้แล้ว ก็ควรจะเรียนรู้ข้อมูล ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทางที่ดีการใช้วิธีธรรมชาตินั้นยืนยาวและไม่เป็นอันตรายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการเลือกเขมือบอาหารที่เป็นประโยขน์ รู้จักเลือกบริโภคอาหารที่เน้นกากใย รวมไปถึงการหมั่นออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เท่านั้นก็ทำให้เราผอมได้ แล้วยังไม่เป็นอันตรายด้วยนะคะ

9 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าคุณกินเยอะเกินไปแล้วนะ !

กินเยอะเกินไป

สัญญาณเตือนอะไรบ้างที่บ่งบอกว่าเรากำลังกินเยอะเกินไปแล้ว ! สำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากอ้วน รีบมาศึกษาอาการและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันแบบด่วน ๆ เลยจ้า

สาว ๆ กับเรื่องอาหารการกิน ถือเป็นเรื่องที่ขาดกันไม่ได้ เพราะการกินอาหารอร่อย ๆ นอกจากจะทำให้คลายเครียดได้แล้ว ยังถือเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างหนึ่ง แต่ทว่ามันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ถ้าหากกินเยอะจนเกินพอดี หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "กินจุ" ซึ่งสาว ๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำไปว่าเป็นคนกินเยอะแค่ไหน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายเกินแก้ ต้องหาขนาดไซส์เสื้อผ้าที่ใหญ่ขึ้นกว่ามาใส่ซะแล้ว ซึ่งปัญหานี้ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้เลยนะคะสาว ๆ เพราะนานไปคุณอาจจะเป็นคนอ้วนตุ๊ต๊ะได้โดยไม่รู้ตัว ว่าแต่... อาการของโรคกินเยอะนั้นเป็นอย่างไรนะ ? สำหรับใครที่อยากรู้ ลองมาศึกษากันเลยค่ะ เผื่อใครที่มีอาการแบบนี้จะได้รู้ตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ

1. เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด อาหารที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยั่วยวนใจซะเหลือเกิน โน่นก็อยากกิน นี่ก็อยากกิน สุดท้ายก็ต้องตักอาหารทั้งหมดมาวางกองไว้อยู่ตรงหน้าทุกทีไป

2. รู้สึกว่ากินอาหารอร่อยทุกคำ กินอาหารในทุก ๆ คำแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยสุด ๆ จนทำให้หยุดกินไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อิ่มจนพุงกางซะแล้ว

3. รู้สึกอิ่มแล้วแต่ก็ยังกินต่อ ในความเป็นจริงเราควรจะหยุดกินตั้งแต่ที่เรารู้สึกอิ่มแล้ว แต่หลายคนทั้ง ๆ ที่รู้ตัวว่าอิ่มแล้วแต่ก็ยังพยายามจะกินหรือยัดอาหารเข้าไปต่อ ราวกับว่ามีสองกระเพาะซะอย่างนั้น

4. กินจนเหนื่อย หลังจากที่กินมาราธอนจนรู้สึกว่าเหนื่อยหรือหายใจไม่ออก นั่นแสดงว่าร่างกายกำลังสั่งให้หยุดกินได้แล้ว หากยังฝืนกินต่อไป มีหวังลุกเดินไปไหนไม่ได้แน่ ๆ

5. เหงื่อออกตอนกินข้าว เพราะเวลาร่างกายย่อยอาหารมันจะใช้พลังงานมากจนทำให้เรารู้สึกร้อนขึ้น ถ้าสาว ๆ เหงื่อออกทั้ง ๆ ที่ยังกินไม่เสร็จ นั่นก็แสดงว่าคุณกินเยอะเกินไปแล้ว

6. กางเกงคับขึ้น ถือเป็นตัวชี้วัดได้อย่างดีเลยว่าในแต่ละวันคุณกินเยอะเกินไปหรือไม่ หากตอนเช้ากางเกงยังใส่ได้พอดี แต่อยู่ ๆ สังเกตเห็นว่ามันกำลังจะปริออกมา นั่นก็แสดงว่าคุณกินเยอะจนเกินขีดจำกัดแล้วละ

7. จานเดียวไม่เคยพอ เติมแล้วก็เติมอีก ประหนึ่งว่า กินเท่าไรก็ไม่รู้สึกอิ่มเสียที !

8. รู้สึกเหมือนจะตายหลังกินเสร็จ เมื่อไรที่คุณรู้สึกว่าอึดอัดไปหมด ไม่มีแรงลุก ลุกไม่ไหว อยากจะนอนมันซะตรงนั้นเลย คงไม่ต้องบอกนะจ๊ะว่ากินเยอะเกินไปแล้ว

9. กินเสร็จเป็นคนสุดท้าย ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนกินช้า นั่นก็แสดงว่าคุณเป็นคนกินเยอะแล้วละ

สำหรับสาว ๆ ที่มีพฤติกรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ถือว่าคุณกำลังเข้าขั้นกินเยอะเกินพอดีแล้วล่ะค่ะ และให้รู้ตัวไว้เลยว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะอ้วนซะแล้ว ดังนั้นจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาลุกลามจนแก้ไม่ได้แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง อย่าหาว่าไม่เตือนนะคะสาว ๆ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ร่วมนำเสนอโดย https://www.facebook.com/idayslim ยาลดความอ้วน

โรคเชื้อราในสมอง สยดสยอง โปรดการเล่นน้ำทะเลก็ต้องระแวดระวัง

เชื้อราในสมอง

เชื้อราในสมอง ภัยอันตรายที่มองไม่เห็นจากอุบัติเหตุเพียงแค่เล็กน้อย เช่น การสำลักน้ำ การจมน้ำ แต่จะสามารถให้ผลอุกฉกรรจ์ถึงขั้นเอาชีวิตเราได้อย่างไรนั้นต้องมาลองอ่านกัน

ใครที่ชอบไปหย่อนอารมณ์ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ทะเล น้ำตก อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลร่างกายตัวเองให้มากขึ้น เพราะโรคเดี๋ยวนี้กลายพันธุ์ได้ง่ายกว่าเดิม ดังที่เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่าจมน้ำแล้วสมองบวม พอไปตรวจอีกทีพบว่าเป็นเชื้อราในสมองเสียแล้ว หรือหากใครจำกันได้กับกรณีของนักร้องดัง บิ๊ก ดีทูบี ที่ประสบอุบัติเหตุรถตกคูน้ำที่มีเชื้อราปนเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนอาการจะทรุดหนักเพราะเชื้อราเข้าไปในสมอง กระทั่งม้วยมรณาในที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นการระวังไม่ให้เกิดกรณีอันน่าสลดแบบนี้อีก เราก็ควรมาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อรากันก่อนจะได้รู้กรรมวิธีป้องกันที่ถูกต้องเอาไว้บอกต่อกับคนที่เราห่วงหาอาทร

เชื้อรามรณะที่เป็นมูลเหตุในที่นี้ก็คือ เชื้อรา P.boydii มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Scedosporium เป็นเชื้อราที่พบได้ตามบริเวณที่มีสารพิษทับถมกันเป็นจำนวนมาก เช่น แหล่งน้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำขนาดใหญ่ กองขยะสด บ่อพักสิ่งปฏิกูล รวมถึงในพื้นดินที่มีความชื้นตลอดเวลาไม่ถูกแสงตะวัน แม้แต่ในน้ำตก หรือทะเลที่มีของเสียหรือขยะปนเปื้อนมาก ๆ เพราะเชื้อราชนิดนี้สามารถเติบใหญ่ได้ดีที่อุณหภูมิ 30-37 องศา

ถึงแม้จะเป็นเชื้อราที่ไม่น่าจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ และไม่สามารถก่อให้เกิดโรคโดยตรงได้ก็ตาม แต่ถ้าเมื่อไรที่ร่างกายแตะต้องกับแหล่งการเจริญเติบโตของเชื้อราชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหายใจ หรือทางผิวหนังที่เป็นแผล ก็มีโอกาสสูงมากที่เชื้อราจะเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ตามอวัยวะในร่างกายเรา เช่น ปอด หัวใจ ตับ สมอง

เมื่อไรที่ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง เชื้อราจะกระจายตัวได้ดีกว่าตอนที่เราแข็งแกร่งดี ดังนั้นจึงไม่แปลกหากพบว่าในกรณีของคนจมน้ำ สำลักน้ำ หรือ แค่น้ำสกปรกโดนผิวหนังเรา จะทำให้เรามีอาการไม่สบายในเวลาต่อมาได้ เพราะทันทีที่เชื้อราชนิดนี้เข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายแล้วจะทำการแบ่งตัว และเจริญเติบโตซึมซาบไปตามอวัยวะต่าง ๆ ที่มีสารอาหารโปรตีน และไขมันสูง ซึ่งตำแหน่งแรกที่มันจะเดินทางเข้าหาก็คือ เนื้อสมองของเรานั่นเอง เพราะส่วนประกอบหลักของสมองคือ ไขมัน และเชื้อนี้จะตรงเข้าทำลายระบบประสาทส่วนกลาง หรือประสาทส่วนการรับรู้ภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง ด้วยวิธีการเจริญพันธุ์นี่เองที่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ในเรือนร่างเราหยุดการทำงานลงทันทีทันใด

เมื่อติดเชื้อราในสมองแล้ว จะมีปรากฏให้เห็นได้ชัด 3 กิริยาอาการ คือ
1. กิริยาอาการทางปอด อาจเกิดมีอาการเข้าแทรกคือ โรคไซนัส หากเอกซเรย์ดูจะพบว่ามีจุดกลมคล้ายมีลูกบอลในปอดอันเป็นต้นเหตุทำให้ปอดเน่า ผู้ป่วยจะมีอาการไอเป็นเลือด เจ็บในอกเสีอด มีไข้ พบรอยฝ้าและเกิดโพรงในปอด โดยเชื้อนี้พบในปอดถึง 10% ของคนเจ็บที่เป็นโรคน้ำย่อยปอดผิดปกติ และ อาจเกิดโรคร่วมกับเชื้อราอีกตัวหนึ่งควบคู่กันก็ได้
2. อาการเฉพาะที่ เช่น บริวณอวัยวะกระดูกและข้อ ผิวหนัง และ เนื้อเยื่อบริเวณตาที่ก่อให้เกิดอาการตาอักเสบจนปวด แดง หรือ คล้ายมีฝุ่นในตา เป็นต้น
3. อาการในกระแสเลือด ทันทีที่เชื้อรากระจายเข้าสู่กระแสเลือด สภาพที่เห็นได้ชัดอย่างแรกคือ ช็อก เกิดภาวะพังทลายในอวัยวะหลายส่วน มักเกิดกับผู้ป่วยที่มีร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำมาก่อนหน้าแล้ว

แม้ว่าโรคเชื้อราในสมองจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด 100 % แต่ก็สามารถพยุงอาการเอาไว้ไม่ให้เชื้อราเติบโตได้ด้วยการใช้ยารักษาโรคร่วมกันของ voriconazole หรือ itraconazole ร่วมกับยา terbinafine และยา Posaconazole นอกจากนี้ยังต้องมีการเยียวยาด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การระบายฝีในสมอง ระวังสมองบวม ระวังการติดต่อลามไปไซนัสและกระดูก รวมถึงการทำกายภาพบำบัดด้วย และอีกหนึ่งวิธีที่คุณหมอส่วนมากเห็นว่าสามารถให้ผลดีได้ก็คือการให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่กลับเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาข้างเคียงอย่างอื่นตามมา เช่น แขนขาอ่อนแรง หรือ อัมพาตครึ่งซีกได้

วิธีการการระวัง
1. เลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับมลสารเมื่อเวลามีรอยแผล
2. ล้างมือก่อนหยิบอาหารการกินเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำ
3. หากต้องไปในบริเวณที่มีอากาศไม่หมุนเวียน ควรพกผ้าปิดจมูกไปด้วย เพื่อป้องกันสูดเชื้อโรคเข้าไป
4. หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายควรไปพบหมอ
5.หลบหลีกการลงไปเล่นน้ำในบริเวณที่ไม่สะอาด เช่น บึงที่มี่จอกแหนขึ้นรกมาก น้ำคลอง น้ำตก ทะเลที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

ถึงแม้ว่าเจ้าเชื้อรามรณะนี้จะมีชื่อฟังดูน่าขนพองสยองเกล้า แต่ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เพราะพอได้ลองรู้จักแล้วจะพบว่าเราก็สามารถป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อรานี้ได้ไม่ยากนัก ถ้าเพิ่มความระวังให้เยอะขึ้น

ภยันตรายจากการอดข้าวปลาอาหาร ผอมแล้วล้มป่วยไม่คุ้มกันหรอก

ภัยอันตรายจากการอดอาหาร

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยลดน้ำหนักก็คงเคยที่จะใช้แนวทางจิปาถะเพื่อให้น้ำหนักที่เกินลดลงไปให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร การออกกำลัง หรือแม้แต่การใช้ยาที่ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางสุดเบสิกที่สุดอย่างเช่นการอดอาหารที่หลายคนก็มักจะใช้แนวทางนี้ในช่วงเพิ่งเริ่มลดความอ้วน แต่ขอบอกเลยค่ะว่า มันไม่ใช่วิธีที่ดีพอ ๆ กับการใช้ยาลดความอ้วนเลยล่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าเพราะเหตุใด วันนี้เราก็เลยนำเรื่องของการอดอาหารมาเล่าสู่กันฟัง ลองมาดูกันสิว่าแค่คุณอดอาหารแค่หนึ่งมื้อ จะส่งผลร้ายกับสรีระเช่นใดบ้าง

การอดอาหารในมื้อใดมื้อหนึ่งของวัน หรือการลดจำนวนอาหารที่รับประทานต่อมื้อลงให้เหลือเพียงเล็กน้อย ด้วยยุทธวิธีต่าง ๆ อย่างเช่น การจำกัดแคลอรี่หรือจะเป็นการดื่มเพียงน้ำผักแคลอรี่ต่ำ วิธีเหล่านั้นไม่ใช่หัวคิดที่เลยล่ะค่ะ เพราะการอดอาหารเพียงมื้อเดียว สามารถส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมากจนเป็นโทษกับร่างกาย เพราะน้ำตาลนั้นเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีศักยภาพ และถ้าหากระดับของน้ำตาลไม่อยู่ในระดับที่พอดีก็จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้รับผลกระทบกระเทือนตาม ๆ กันไปด้วย

Maggie Moon นักโภชนบำบัดในเมืองลอสแอนเจลิส กล่าวว่า การอดอาหารจะทำให้คุณรู้สึกตะครั่นตะครอและทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย เพราะเมื่อร่างกายของคุณขาดพลังงานใหม่ ๆ ที่มาจากอาหาร จะทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่ภาวะหิวโหยและเริ่มสงวนพลังงานในร่างกายที่มีอยู่ไว้ใช้กับส่วนที่สำคัญของร่างกาย ระบบการเผาผลาญอาหารจะทำงานช้าลง ทำให้อาหารที่คุณทานเข้าไปก่อนหน้าไม่ได้รับการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน การอดอาหารจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองก็จะลดลง โดยจะส่งผลต่อสติปัญญาและจิตใจ ทำให้คุณรู้สึกคิดอะไรไม่ออก และอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณรับประทานอาหารเข้าไปหลังจากนี้ภายในเวลาแปดชั่วโมง ร่างกายของคุณก็จะรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นปกติ แต่ก็เป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น เพราะระบบการเผาผลาญของคุณยังคงอยู่ในระดับต่ำ เพราะร่างกายของคุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพลังงานใหม่ ๆ ที่จะมาจากการทานข้าวนั้นจะมาอีกครั้งเมื่อไร และร่างกายของคุณก็จะกลับไปสู่ภาวะเดิม นั่นก็คือระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองตื้อ และอารมณ์วิปริตไปตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้การอดอาหารยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย เพราะเมื่อร่างกายขาดพลังงาน ร่างกายก็จะดึงเอาสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในกล้ามเนื้อออกมาใช้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้กำลังวังชาของร่างกายลดน้อยถอยลงไป และในที่สุดก็จะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มต่อต้านคุณเอง และทำให้คุณเกิดอาหารหิวอย่างบ้าคลั่ง ทีนี้ล่ะ คุณจะยิ่งรับประทานอาหารกลับเข้าไปมากกว่าปกติ จนทำให้การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนักของคุณมีอันเป็นไปในที่สุด

เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าการอดอาหารส่งผลร้ายมากแค่ไหน ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ฉะนั้นใครที่กำลังอดอาหารอยู่เลิกดีกว่านะคะ หันมาบริโภคให้ครบทุกมื้อ แต่ใส่ใจในอาหารแต่ละมื้อให้มากขึ้น โดยเพิ่มปริมาณโปรตีนไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังควรหม่ำอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณที่พอเหมาะ แม้ว่าอาจจะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ก็จะทำให้ร่างกายของคุณทำงานได้เป็นปกติ แถมยังทำให้คุณมีความเบิกบาน มากกว่าการอดอาหารอีกด้วย

ไม่ว่ายังไงสุขภาพอนามัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นการลดน้ำหนักจึงควรตระหนักถึงสุขภาพเป็นหลักด้วย อย่ามัวแต่สนใจถึงรูปร่างจนหลงลืมสุขภาพกันนะคะ เพราะบางทีก็อาจจะไม่คุ้มกันถ้าหากคุณมีรูปร่างที่งดงามแต่กลับต้องล้มเจ็บด้วยโรคร้ายแรง จริงไหมคะ

หกตัวต้นเหตุสำคัญ นี่แหละทำเพศหญิงผอมยากกว่าบุรุษ

วิธีควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน อย่างปลอดภัยเป็นอะไรที่ทำได้ยากพอ ๆ กับการข่มใจไม่ให้ช้อปของลดราคาเลยล่ะ ที่ไม่ว่าเราจะพยายามทำตามตารางไดเอตอย่างแน่วแน่เท่าไร ก็ยิ่งดูเหมือนดวงชะตาจะเล่นงานทำให้เราต้องปราชัยแก่ของอร่อยอยู่ทุกครั้งไป

ลดความอ้วนดีกว่า รู้สึกตุ๊ต๊ะยังไงก็ไม่รู้ วลียอดฮิตของสาว ๆ ที่มักบ่นออกมาหลังจากกินของโปรดเข้าไปแล้ว ความประพฤติที่ขัดกันเป็นนิสัยอย่างนี้แหละที่ทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ไม่เข้าใจว่า ถ้ารู้ตัวว่าตุ๊ต๊ะ แล้วทำไมไม่หยุดกินสักทีล่ะ แต่หนุ่ม ๆ จะรู้ไหมนะว่ามันก็ยังมีต้นเหตุอย่างอื่นอีกเข้ามาเกี่ยวเนื่องด้วย ซึ่งจากคำแนะนำของเทรนเนอร์ฟิตเนส ก็ทำให้เราพบว่าส่วนหนึ่งมาจากต้นเหตุเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ผู้หญิงลดความอ้วนยากกว่าเพศชาย จะมีอะไรบ้างก็ลองอ่านดู

เป็นผลจากระดับฮอรโมนผู้ชาย
ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นตัวการที่เราไม่สามารถกำกับได้ จึงทำให้แผนการลดน้ำหนักของสตรียังไม่ถึงเส้นชัยสักที เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีหน้าที่ช่วยเร่งการเผาผลาญแคลอรี่และกระตุ้นสร้างกล้ามเนื้อ เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้หญิงเรามีระบบการเผาผลาญแคลอรี่ไม่ดีเท่ากับผู้ชาย และอ้วนง่ายด้วย

สตรีชอบมีอะไรกรุบกริบติดมือตลอด
ลูกผู้ชายเป็นเพศที่ไม่ค่อยกินจุบจิบอยู่แล้ว แต่ถ้ากินทีก็จะกินเยอะมาก ส่วนสาว ๆ น่ะเหรอข้าวไม่กิน แต่สามารถกินขนมนมเนยได้ทั้งวัน แล้วก็ชอบบ่นทีหลังว่าอดข้าวแล้ว แต่น้ำหนักไม่ลดลงเลย ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วเพราะพวกขนม กรุบกรอบ เบเกอรีเจ้าอร่อย ชานมไข่มุก กาแฟเย็น หรือแม้แต่น้ำผลไม้ปั่นเย็นชื่นใจที่สาว ๆ มักซื้อติดมือหลังข้าวกลางวันนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้อ้วนอุ้ยอ้ายทั้งนั้น

สตรีชอบกิน แม้ไม่รู้จะกินอะไร
สาว ๆ คนไหนที่อยากผอมเร็วละก็ขอให้หยุดนิสัยนี้โดยเด็ดขาด เพราะการหยิบอะไรเข้าปากในตอนที่ไม่รู้ว่าอยากกินอะไรกันแน่นั้นมันนำมาซึ่งรูปร่างอ้วนฉุได้ในเวลาอันสั้น ในขณะที่บุรุษจะเดินไปซื้อของกินก็ตอนที่ตัวเองหิว ฉันนั้น ทางที่ดีถ้าหากยังไม่รู้ว่าอยากกินอะไรก็ให้ดื่มน้ำเปล่าเข้าไปก่อน 1 แก้ว แล้วค่อยคิดว่ามันเป็นแค่ความปรารถนา หรือหิวจริง ๆ กันแน่

เข้าใจผิดกับคำว่า “แคลอรี่”
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจเรื่องแคลอรี่ในอาหาร ผิดกับนารีที่คอยคำนวณตลอดว่าเมนูนี้มีกี่แคลอรี่และก็จะพยายามเลือกซื้อของกินที่มีแคลอรี่ต่ำเพื่อที่จะได้ไม่เจ้าเนื้อ ที่จริงแล้ว แคลอรี่ในอาหารการกินไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แม้ว่าบางเมนูจะมีแคลอรี่สูงจนน่าตกใจก็ตาม แต่ถ้ากินในจำนวนที่พอดีก็ไม่อวบอั๋นหรอกน่า

แนวนโยบายแน่น แต่ไม่ลงมือทำ
ทุกครั้งที่พวกเธอมีความคิดว่าจะลดความอ้วน ก็มักจะเริ่มจากการรื้อตำราข้อแนะนำจากบรรดากูรูหลากหลายสำนักมาอ่านจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าวิธีไหนทำแล้วเวิร์กสุด แต่น่าเศร้าที่พอหลังจากอ่านจบแล้วจะมีแรงฮึดทำตามอยู่ไม่กี่วันเท่านั้น ผิดกับผู้ชายที่เมื่อรู้ตัวว่าอ้วนขึ้นก็จะหาวิธีฟิตร่างกายตัวเองทันที จนบางครั้งก็มีการแชร์วิธีของตัวเองให้เพื่อน ๆ ทำตามอีกด้วย

อิสตรีชอบอดอาหารแทนการออกกำลัง
อย่าแปลกใจไปเลยนะหนุ่ม ๆ ถ้าเห็นผู้หญิงเราเดี๋ยวอ้วน เดี๋ยวผอม น้ำหนักไม่คงที่ ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าโดยฐานรากแล้วผู้หญิงไม่ชอบลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ตาม และในความคิดของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มองว่าการออกกำลังกายทำให้ผอมช้ากว่าการอดอาหาร ในขณะที่บุรุษเป็นกลับจริงจังเรื่องการออกกำลังกายอย่างมาก พวกเขาไม่เคยขี้เกียจที่จะทำเลยแม้ว่างานจะยุ่งสักแค่ไหน ดังนั้นเมื่อสาว ๆ รู้อย่างนี้แล้วก็ควรหันมามีหลักเกณฑ์กับตัวเองเรื่องการออกกำลังกายเหมือนพวกหนุ่ม ๆ กันบ้างนะคะ

ความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักไม่ได้ทำยากขนาดนั้นนะคะ ขอเพียงแค่สาว ๆ ใช้พลังงานในแต่ละวันให้มากกว่าปริมาณแคลอรีของอาหารการกินที่กินเข้าไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับดูแลเรื่องน้ำหนักตัวให้คงที่ หรือลองหยิบนิสัยบางอย่างของชายไปปรับใช้ดูก็ได้แบบเดียวกันนะ

4 อาหารเลวที่ดีต่อร่างกายของคุณ

ยาลดความอ้วน

ถ้าคุณได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ทานอาหารเพื่อสุขภาพอยู่ละก็ เชื่อว่าคุณคงกำลังหลีก เลี่ยงอาหารจำพวกเนย นม และชีสอยู่แน่ แต่รู้ไหมว่าอาหารที่ได้ชื่อว่าเลวร้าย นั้น อันที่จริงมันก็มีสารอาหารบางอย่างที่สำคัญอยู่ และคุณจะได้คุณจากมัน มากกว่าโทษ หากรู้จักกินแบบ "มีลิมิต" นั่นคือ

ชีส
แน่นอน ชีสอุดมด้วยไขมันและแคลอรี แต่ในขณะเดียวกันมันยังเป็นแหล่งสำคัญของ แคลเซียม รวมทั้งกรดไลโนเลอิกโมเลกุลคู่ ซึ่งเป็นไขมันประเภทดี ทำให้คุณลดความ เสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน กรดชนิดนี้ยังช่วยในการลดน้ำหนัก ด้วยการไปสกัดกั้นการกักเก็บไขมันในร่างกาย
เลือกชีสชนิด Strong-flavored เช่น เฟต้าชีส บลูชีส และชีสพาร์เมซานสด (ไม่ขูด) ซึ่งคุณจะใช้ในปริมาณน้อยหากนำไปปรุงอาหาร
เลี่ยงชีสประเภทไขมันต่ำ เพราะชีสพวกนี้มีไขมันเพียง 6 กรัมต่อออนซ์ เมื่อนำไป ปรุงอาหาร แล้วจะไม่ได้รสชาติ เราจึงโน้มเอียงที่จะอนุญาตให้ตัวเองกินมันมากขึ้น เช่น เดียวกับชีสไม่มีไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีรส

ช็อกโกแลต
ลืมไปเลยที่ว่าช็อกโกแลตเป็นสาเหตุของสิว และไมเกรน ที่จริงมันมีส่วนผสม บางอย่างที่ต่อต้านการเกิดมะเร็ง และโรคหัวใจเช่นเดียวกับในผักและผลไม้ เว้นแต่ ว่ามีไขมันสูงกว่าเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณมองหาช็อกโกแลตในตอนที่หดหู่นั่นก็ถูก ต้อง เพราะมันจะเพิ่มสารชีโรโตนินในสมอง ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
เลือกดาร์กช็อกโกแลต ช็อกโกแลตยิ่งเยอะก็หมายความว่าใส่โกโก้บัตเตอร์ซึ่งอุดม ด้วยไขมันน้อยลง
เลี่ยงช็อกโกแลตที่ผสมคาราเมล มาร์ชแมลโลว และไขมันที่ทำให้อ้วนอื่น ๆ

เนื้อวัว
พักการทานไก่ย่างชั่วคราวแล้วหันมากินสเต็กสักชิ้นเนื้อวัวเป็นแหล่งดีเลิศของ โปรตีน และสารอาหารที่ผู้หญิงมักได้รับจากอย่างอื่นไม่เพียงพอ เช่น เหล็ก สังกะสี และวิตามินบี 12

เลือกเนื้อท่อนโคนขา หรือเนื้อสะโพก ซึ่งเป็นส่วนของเนื้อที่มีเนื้อมากกว่ามัน เพราะจะมีไขมันอิ่มตัวเพียง 4.5 กรัมหรือน้อยกว่า ต่อเนื้อน้ำหนัก 3 ออนซ์ ปรุง แบบหมุนย่าง ซึ่งจะทำให้เราเหลือเนื้อที่ในจานสำหรับใส่ผักได้มากขึ้น
เลี่ยงเนื้อซี่โครงและทีโบนชั้นเลิศ เพราะมีไขมันและแคลอรีมากเป็นเท่าตัวของ ส่วนอื่น ๆ

กาแฟ
ไม่จำเป็นต้องงดดื่มกาแฟ การวิจัยเร็ว ๆ นี้ปฏิเสธว่า กาแฟไม่เกี่ยวข้องกับการ เกิดโรคหัวใจ เนื้อเยื่อในหน้าอกผิดปกติ หรือความดันโลหิตสูง หากแต่คาเฟอีนช่วย บรรเทาอาการแพ้ ทำให้คุณกระฉับกระเฉงและสมาธิดีขึ้น

เลือกกำหนดตัวเองให้ดื่มกาแฟไม่เกิน 2 - 3 แก้วต่อวัน และอย่าใส่ครีมกับน้ำตาล ให้มากนัก
เลี่ยงกาแฟแก้วใหญ่พิเศษ ที่อุดมไปด้วยครีม น้ำตาล น้ำแร่ และวิปครีม ซึ่งให้ แคลอรีมากถึง 300 แคลอรี
ถ้าทำได้ตามนี้ ก็รับประกันว่าจะได้ความอร่อยที่ไม่เป็นโทษแน่ ๆ

สนับสนุนเนื้อหาโดย https://www.facebook.com/idayslim ยาลดความอ้วน By Idayslim Center

บัญญัติ 5 ประการ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง

ตามที่เคยได้เกริ่นไว้แล้วในบทความเรื่อง "ได้เวลาบอกลา...ยาลดความอ้วนกันเสียที” ว่าในบทความต่อไปจะเป็นเรื่องของการลดน้ำหนักอย่างถูกต้องและดีต่อสุขภาพ ในที่สุดก็ได้มีโอกาสนำเสนอให้ท่านผู้อ่านที่รักสุขภาพและอยากจะลดน้ำหนักได้อ่านกันเสียทีครับ

อันที่จริงโดยทั่วไปนั้นหลักการลดน้ำหนักก็ไม่มีอะไรมากครับ ใช้แค่หลักสมการพื้นฐานของหลักการที่ว่าด้วยพลังงานที่ร่างกายได้รับเข้าไปต้องน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันก็เท่านั้นเอง พอเขียนมาถึงตรงนี้อาจมีหลายๆท่านเถียงอยู่ในใจว่าเขียนง่ายแต่ทำยาก ซึ่งตรงนี้ขอบอกเลยครับว่า บัญญัติ 5 ประการต่อไปนี้ไม่ยากอย่างที่คิดครับ

1. ขั้นแรกต้องทราบก่อนว่าเราควรลดน้ำหนักหรือไม่โดยการคำนวณจากค่าดัชนีมวลกายหรือ Body Mass Index ของเราเอง การคำนวณก็ทำได้ง่ายดายครับ เพียงใช้สูตร
BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)  ∕  [ส่วนสูง (เมตร)]2 
 เช่นถ้าคุณน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม สูง 170 เซนติเมตร คุณก็จะได้ค่า BMI = 60/ (1.7)2= 20.7
ทีนี้ถ้าคุณคำนวณได้ค่า BMI มากกว่า 25 ขึ้นไป แสดงว่าคุณอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินต้องทำการลดน้ำหนักแล้วครับ

2. เมื่อเรารู้ว่าเราต้องลดน้ำหนักแล้วให้ตั้งเป้าหมายตัวเองอย่างชัดเจนในการที่ต้องการจะลดน้ำหนัก โดยอาจจินตนาการว่าคุณต้องการมีรูปร่างอย่างไร และต้องการลดน้ำหนักกี่กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งขอแนะนำว่าควรลดน้ำหนักประมาณ 0.5 -1 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์เท่านั้นนะครับ อย่าใจร้อนรีบลดน้ำหนักจนเกินไปเพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายเช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ได้ ซึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป

3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ดังต่อไปนี้
-  รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ (ย้ำว่าครบทุกมื้อครับ) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานเกินขนาดในมื้อที่คุณรับประทานต่อไปได้ รับประทานอาหารกลุ่มที่มีกากใยสูง เช่น ธัญพืช ผัก และผลไม้ เป็นประจำทุกวัน
-  รับประทานของหวาน ของมัน ของทอดให้น้อยลง โดยอาจกำหนดความถี่ว่า รับประทานได้กี่ครั้งต่อสัปดาห์ (ห้ามกำหนดว่าเป็น 7 วันต่อสัปดาห์นะครับ
-  ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน น้ำบริสุทธิ์จะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายคุณได้ครับ
-  หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพราะแอลกอฮอล์สามารถให้พลังงานส่วนเกินที่ร่างกายคุณไม่ต้องการและไปสะสมเป็นไขมันได้ครับ
-  รับประทานอาหารช้าๆ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น
-  ถ้าหากคุณมีโอกาสไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารให้ของทางร้านห่ออาหารครึ่งหนึ่งของคุณเพื่อแบ่งกลับไปรับประทานที่บ้าน วิธีนี้นอกจากจะช่วยควบคุมอาหารแล้วยังประหยัดเงินได้อีกด้วย

4. ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ต่อครั้ง และ ทำ 3-4 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ในที่นี้ไม่ได้แนะนำว่าให้ท่านต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของฟิตเนสแต่ประการใดครับเพราะการออกกำลังกายง่ายๆที่ท่านสามารถทำเองที่บ้านมีมากมาย เช่น ปั่นจักรยาน เดิน หรือเต้นตามจังหวะเพลง เป็นต้น นอกจากนี้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน  เราสามารถหาโอกาสในการออกกำลังกายได้ง่ายๆดังนี้ครับ
-  ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟท์ หากคุณต้องขึ้นหรือลงอาคารเพียง 2-3 ชั้น
-  จอดรถให้ไกลกว่าเดิมเพื่อที่จะได้มีโอกาสเดินได้มากขึ้น
-  ทำงานบ้านต่างๆโดยใช้เครื่องทุ่นแรงให้น้อยลง เช่นการซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน
-  หางานอดิเรกที่มีการออกแรงเช่น ทำสวน ปลูกต้นไม้ จูงสุนัขเดินเล่น

5. ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายและไม่เครียดครับ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าคนที่มีความเครียดเป็นประจำมักจะรับประทานอาหารมากกว่าปกติ และกินจุบกินจิบบ่อยๆ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดน้ำหนักทุกชนิดนะครับเพราะอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตดังที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ

 เป็นอย่างไรบ้างครับ กับเคล็ดลับในการลดน้ำหนักที่เสนอมา หวังว่าคงทำให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีรูปร่างดีและสุขภาพแข็งแรงกันทุกท่านนะครับ


เรียบเรียงโดย :
 เภสัชกรศรายุทธ ทัฬหิกรณ์
มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา